หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้สปอยล์เนื้อหาในหนังปี 1982
และ 2011 นะครับ และเนื้อหามีภาพประกอบที่ค่อนข้างสยอง
ชวนแหวะ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ถูกกับภาพโหดๆอย่างแรง
(ขอแท็กชีววิทยากับด้วยนะครับ เผื่อผมจะได้ความรู้เกี่ยวกับ
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นด้วย > <)
จนถึงบัดนี้ผมก็ยังยกให้ The Thing คือสัตว์ประหลาดต่างดาวที่
คลาสสิคที่สุดแห่งยุค 80 นะครับ > < ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าผมชอบเป็น
การส่วนตัวอย่างเดียว (เอ่อ จริงๆก็ใช่น่ะแหละ) ถ้าเทียบว่ามันคือไอเดีย
จากนิยายยุค 30 ของ จอห์น ดับบลิว แคมป์เบล ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่
ล้ำมากๆเลยนะครับ ที่นำเสนอสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถในการ
ลอกเลียนแบบ (แต่มาสมัยนี้ มีสัตว์ประหลาดแนวนี้เป็นร้อยเรื่องแล้ว)
ผมเลยจะขอถือวิสาสะพาทุกท่านไปรู้จักกับมันรำลึกความหลังกันครับ
ทั้งในหนังต้นฉบับปี 1951 ไปจนถึงหนังในจักรวาลของ จอห์น
คาร์เพนเตอร์ ทั้ง 2 ภาคในปี 1982 และ 2011
เริ่มกันที่สัตว์ประหลาดต้นฉบับ แต่ก็ไม่เหลือเค้าเดิมของสัตว์ประหลาด
ในนิยายเลยซักนิดเดียว อย่าง The Thing จากหนัง The Thing
From Another World (1951) เรื่องนี้ครับ
โดยโครงเรื่องนั้นเนื้อหาไม่ได้อิงจากนิยายเป๊ะๆครับ โดยเปลี่ยนจาก
ทีมของศูนย์วิจัย มาเป็นกลุ่มของทหารที่ไปค้นพบจานบินลึกลับใต้
น้ำแข็ง แล้วได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่หลับไหลอยู่ในนั้นตื่นขึ้นมา
อาละวาดฆ่าพวกเขา
แม้จะได้ชื่อว่าดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น Who Goes There?
ก็จริงอยู่ แต่เส้นเรื่องทุกอย่างก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่หมดครับ ที่เห็นได้ชัด
เลยคือ เจ้าสัตว์ประหลาดอย่าง The Thing นั้นไม่ใช่สัตว์ต่างดาว
ที่มีความสามารถในการลอกเลียนแบบเหมือนในนิยาย แต่เป็นสัตว์
ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวใหญ่ผิวสีเขียว มีกรงเล็บเป็นอาวุธแทน
(แต่ก็เข้าใจว่า เอฟเฟคในสมัยนั้นมันคงสร้างอะไรแปลกๆไม่ได้มาก)
จนกระทั่ง จอห์น คาร์เพนเตอร์ เอา The Thing From Another World
มาทำ The Thing (1982) โดยตั้งใจจะกลับไปหาเรื่องราวเดิมแบบในนิยายจริงๆ
นั่นคือ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และสิ่งมีชีวิตที่ลอกเลียนแบบได้ โดยฝีมือเอฟเฟคของ
ร็อบ บ็อททิน ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มต้นตำนานความสยองของสัตว์ประหลาดตัวนี้...
ในหนังปี 1982 นั้น ทีมศูนย์วิจัยที่ไปลงหลักปักฐานกันที่ขั้วโลกเหนือนั้น
พบว่าพวกเขาถูกบุกรุกจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินมาใกล้ๆศูนย์วิจัย เพื่อที่จะไล่
ยิง "หมา" ตัวหนึ่งที่วิ่งหนีอยู่ ...หนึ่งในคนของศูนย์ที่นำโดย อาร์.เจ แม็คครีดี้
(เคิร์ท รัสเซล สมัยยังหล่อเฟี้ยว) ก็พบว่าคนเหล่านี้เป็นชาวนอร์เวย์ที่มีศูนย์
วิจัยอีกแห่งหนึ่งอยู่ แต่ก็กลายเป็นศูนย์วิจัยร้างที่มีศพคนตาย และซากสิ่งมีชีวิต
บางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวอะไร
และการนำมันกลับมาที่ศูนย์วิจัย ก็นำมาซึ่งหายนะของพวกเขา
ทั้ง 12 คน (จริงๆมันหายนะตั้งแต่หมาแล้วล่ะ = = แฮ่)
ในตอนถ่ายทำนั้น บ็อททินไม่ได้ออกแบบอะไรเอาไว้ตายตัว (ยกเว้นแต่
ฉากสำคัญๆอย่าง ฉากหมาตอนต้นเรื่อง) เพราะคอนเซปต์การลอกเลียน
แบบทำให้ The Thing สามารถเป็นอะไรก็ได้ ตามจินตนาการของ
บ็อททิน (แต่เอาไปเล่าให้ทีมงานคนอื่นฟังไม่มีใครเข้าใจเขาเลย ฮาาา)
และกลายเป็นแรงบัลดาลใจให้สัตว์ประหลาดยุคหลังๆมากมาย
(ที่เห็นได้ชัดเลยน่าจะเป็น เนโครมอร์ฟ ใน Dead Space)
สำหรับโครงสร้างทางชีวภาพของ The Thing นั้น ถูกนำเสนอในรูปแบบ
ของสิ่งมีชีวิตระดับเซลล์ที่สามารถกลืนกินเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆได้จาก
ภายใน เมื่อมีการสำผัสกับเหยื่อโดยตรง ซึ่งการแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วของมัน
นั้นสามารถทำให้มันใช้เวลาไม่นานในการที่กลืนกินมนุษย์หรือหมาซักตัว
และเมื่อสบโอกาสที่อยู่กับเหยื่ออีกคนตามลำพัง มันก็จะแหวกร่างออกมาจาก
ร่างที่มันกลืนกิน กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ระบุรูปร่างไม่ได้เข้าจู่โจมเหยื่อ
ทันที
แล้วมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรือเปล่า? อันนี้ผมไม่กล้าสรุปนะครับว่ามันคือ
สิ่งชีวิตทรงปัญญาหรือไม่ เพราะตัวมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เซลล์แต่ละเซลล์มี
ชีวิตเป็นของตัวเอง และมีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดเป็นของตัวเอง
(เหมือนฉาก Blood Test อันลือลั่นนั่นเอง) แต่อาจเพราะมันจะซึมซับ
เอาบุคลิก และสติปัญญาแบบเดิมของร่างที่มันกลืนกินไปด้วย ทำให้ดูเหมือน
ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา (เหมือนที่ ดร.แบลร์ สร้างยานอวกาศขนาด
เล็กได้เอง แม้ผมจะสงสัยว่าเล็กแค่นั้นมันจะนั่งยังไงก็เหอะ XD)
(ผมเคยเห็นความเห็นนึงในพันทิปเนี่ยแหละ ที่น่าสนใจมาก ว่า
บางทีรูปลักษณ์ระดับเซลล์ของ The Thing มันอาจจะเป็นการ
วิวัฒนาการขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตแล้ว ...ก็เป็นได้นะครับ ในหนังไซไฟ
หลายๆเรื่อง มนุษย์ต่างดาวที่ครองโลกสำเร็จมักจะมาในรูปแบบของ
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา แบบนี้เป็นประจำ)
เป็นรูปแบบชีวิตที่น่ากลัวจริงๆนะครับ ...เอาจริงๆคือในโลกของเราจริงๆนั้น
ก็มีปรสิต หรือเชื้อโรคที่น่ากลัวแบบนี้อยู่เหมือนกัน มันมีอิทธิพลกับร่างกาย
รวมไปถึงสมอง ที่สามารถสั่งการพฤติกรรมของเหยื่อยให้เปลี่ยนไปจากเดิม
เลยก็ได้ (แต่ The Thing จะดูน่ากลัวมากกว่าปกติ ตามประสาหนังสัตว์
ประหลาด ต้องนับถือในฝีมือของ ร็อบ บ็อททิน แกนะครับ ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุ
23 เอง แต่สามารถใช้ทั้งเมคอัพ หุ่นบังคับ หุ่นมือ มาเขย่าขวัญคนดู)
เหล่า The Thing ที่ปรากฏในหนังภาคนี้ก็ได้แก่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Kennel Thing หรือ Dog Thing สัตว์ประหลาดตัวแรก
ที่ปรากฏตัวสร้างความตะลึงให้ผู้ชม เมื่อคลาร์ก คนดูแลหมาของศูนย์วิจัยเอา
หมาที่ถูกชาวนอร์เวย์ไล่ยิง ไปขังรวมกับหมาตัวอื่นๆ ...มันจึงแสดงตัวออกมา
กลืนกินหมาตัวอื่นๆในกรง อย่างน่าสยดสยอง



Bennings Thing เบนนิ่งที่อยู่ตามลำพังกับซากถูกเผาของ
The Thing ที่ทุกคนเชื่อว่าตายสนิทแล้ว แต่ความจริงมันรอเวลานี้อยู่..
โชคดีที่มันในร่างเบนนิ่งยังหนีออกไปจากศูนย์ได้ไม่ไกลนัก และถูกเผาด้วย
ปืนไฟของแม็คครีดี้


Norris Thing สัตว์ประหลาดที่น่าจะเด่นที่สุดในหนังภาคนี้ ด้วย
วีรกรรมแบบ 3 ต่อที่สยองขวัญติดตามาก ...ในระหว่างที่แม็คครีดี้ถูกสงสัยว่า
เขากลายเป็น The Thing ไปแล้ว รวมถึงความหวาดระแวงที่ยิ่งหนักข้อขึ้น
คนที่คาดไม่ถึงอย่าง นอร์ริส กลับเป็นคนที่โดนกลืนกิน..

เริ่มแรก ในฉากที่หมอคอปเปอร์กำลังจะปั๊มหัวใจเขา ท้องของเขาก็กลายเป็น
ปากขนาดใหญ่ งับแขนของหมอคอปเปอร์ขาดทั้งสองข้าง

ต่อที่สอง ...ท้องของนอร์ริสระเบิดออกมากลายเป็นสัตว์ประหลาดในท้อง
ที่มีหน้าตาเหมือนนอร์ริสเปี๊ยบ (แต่ยังไม่ทันจะแสดงฤทธิ์เดชอะไรก็โดนเผา
จนเหี้ยนแล้ว)


ต่อที่สาม ..ในระหว่างที่สัตว์ประหลาดในท้องกำลังถูกเผาอยู่ ส่วนหัวของนอร์ริส
ก็ยืดออกมาพยายามเอาชีวิตรอด ด้วยการงอกแขนขาและตาออกมา (แต่ก็เร็วไม่
พอที่จะหนีปืนไฟของแม็คครีดี้) เป็นฉากที่น่าอ้วกมากฉากหนึ่งในหนัง


Palmer Thing ในช่วงที่แม็คครีดี้จับถูกคนมามัดและทดสอบ
เลือดของทุกๆคน ด้วยการเอาลวดร้อนๆมาจี้.. ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่ามันจะทด
สอบอะไรได้ แต่จู่ๆทุกคนก็สะดุ้งโหยง (คนดูก็สะดุ้งด้วย) ว่าเป็นพาล์มเมอร์
ที่ลุกขึ้นมางับหัววินโดวส์ขาดกระจุย


Blair Thing บอสตัวสุดท้ายของหนัง เรียกแบบนี้ก็คงจะไม่ผิด
นะครับ ...โดยหนังได้หักมุมว่า แท้จริงนั้นแบลร์ที่ถูกขังเดี่ยวไว้ข้างนอกนั้น
ได้ถูกกลืนกินไปตั้งนานแล้ว และกลับมาโจมตีแม็คครีดี้ที่อยู่ตามลำพังด้วย
ร่างขนาดใหญ่ (ตอนแรกหนังใช้เทคนิค Stop-Motion นะครับ ก่อน
จะเปลี่ยนมาเป็นโมเดลจำลองขนาดใหญ่แทน)

มารำลึกความหลังกับสัตว์ประหลาดสุดสะพรึง "The Thing" กันเถอะครับ > <
และ 2011 นะครับ และเนื้อหามีภาพประกอบที่ค่อนข้างสยอง
ชวนแหวะ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ถูกกับภาพโหดๆอย่างแรง
(ขอแท็กชีววิทยากับด้วยนะครับ เผื่อผมจะได้ความรู้เกี่ยวกับ
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นด้วย > <)
จนถึงบัดนี้ผมก็ยังยกให้ The Thing คือสัตว์ประหลาดต่างดาวที่
คลาสสิคที่สุดแห่งยุค 80 นะครับ > < ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าผมชอบเป็น
การส่วนตัวอย่างเดียว (เอ่อ จริงๆก็ใช่น่ะแหละ) ถ้าเทียบว่ามันคือไอเดีย
จากนิยายยุค 30 ของ จอห์น ดับบลิว แคมป์เบล ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่
ล้ำมากๆเลยนะครับ ที่นำเสนอสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถในการ
ลอกเลียนแบบ (แต่มาสมัยนี้ มีสัตว์ประหลาดแนวนี้เป็นร้อยเรื่องแล้ว)
ผมเลยจะขอถือวิสาสะพาทุกท่านไปรู้จักกับมันรำลึกความหลังกันครับ
ทั้งในหนังต้นฉบับปี 1951 ไปจนถึงหนังในจักรวาลของ จอห์น
คาร์เพนเตอร์ ทั้ง 2 ภาคในปี 1982 และ 2011
เริ่มกันที่สัตว์ประหลาดต้นฉบับ แต่ก็ไม่เหลือเค้าเดิมของสัตว์ประหลาด
ในนิยายเลยซักนิดเดียว อย่าง The Thing จากหนัง The Thing
From Another World (1951) เรื่องนี้ครับ
โดยโครงเรื่องนั้นเนื้อหาไม่ได้อิงจากนิยายเป๊ะๆครับ โดยเปลี่ยนจาก
ทีมของศูนย์วิจัย มาเป็นกลุ่มของทหารที่ไปค้นพบจานบินลึกลับใต้
น้ำแข็ง แล้วได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่หลับไหลอยู่ในนั้นตื่นขึ้นมา
อาละวาดฆ่าพวกเขา
แม้จะได้ชื่อว่าดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น Who Goes There?
ก็จริงอยู่ แต่เส้นเรื่องทุกอย่างก็ถูกเขียนขึ้นมาใหม่หมดครับ ที่เห็นได้ชัด
เลยคือ เจ้าสัตว์ประหลาดอย่าง The Thing นั้นไม่ใช่สัตว์ต่างดาว
ที่มีความสามารถในการลอกเลียนแบบเหมือนในนิยาย แต่เป็นสัตว์
ประหลาดรูปร่างมนุษย์ตัวใหญ่ผิวสีเขียว มีกรงเล็บเป็นอาวุธแทน
(แต่ก็เข้าใจว่า เอฟเฟคในสมัยนั้นมันคงสร้างอะไรแปลกๆไม่ได้มาก)
จนกระทั่ง จอห์น คาร์เพนเตอร์ เอา The Thing From Another World
มาทำ The Thing (1982) โดยตั้งใจจะกลับไปหาเรื่องราวเดิมแบบในนิยายจริงๆ
นั่นคือ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และสิ่งมีชีวิตที่ลอกเลียนแบบได้ โดยฝีมือเอฟเฟคของ
ร็อบ บ็อททิน ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มต้นตำนานความสยองของสัตว์ประหลาดตัวนี้...
ในหนังปี 1982 นั้น ทีมศูนย์วิจัยที่ไปลงหลักปักฐานกันที่ขั้วโลกเหนือนั้น
พบว่าพวกเขาถูกบุกรุกจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินมาใกล้ๆศูนย์วิจัย เพื่อที่จะไล่
ยิง "หมา" ตัวหนึ่งที่วิ่งหนีอยู่ ...หนึ่งในคนของศูนย์ที่นำโดย อาร์.เจ แม็คครีดี้
(เคิร์ท รัสเซล สมัยยังหล่อเฟี้ยว) ก็พบว่าคนเหล่านี้เป็นชาวนอร์เวย์ที่มีศูนย์
วิจัยอีกแห่งหนึ่งอยู่ แต่ก็กลายเป็นศูนย์วิจัยร้างที่มีศพคนตาย และซากสิ่งมีชีวิต
บางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวอะไร
และการนำมันกลับมาที่ศูนย์วิจัย ก็นำมาซึ่งหายนะของพวกเขา
ทั้ง 12 คน (จริงๆมันหายนะตั้งแต่หมาแล้วล่ะ = = แฮ่)
ในตอนถ่ายทำนั้น บ็อททินไม่ได้ออกแบบอะไรเอาไว้ตายตัว (ยกเว้นแต่
ฉากสำคัญๆอย่าง ฉากหมาตอนต้นเรื่อง) เพราะคอนเซปต์การลอกเลียน
แบบทำให้ The Thing สามารถเป็นอะไรก็ได้ ตามจินตนาการของ
บ็อททิน (แต่เอาไปเล่าให้ทีมงานคนอื่นฟังไม่มีใครเข้าใจเขาเลย ฮาาา)
และกลายเป็นแรงบัลดาลใจให้สัตว์ประหลาดยุคหลังๆมากมาย
(ที่เห็นได้ชัดเลยน่าจะเป็น เนโครมอร์ฟ ใน Dead Space)
สำหรับโครงสร้างทางชีวภาพของ The Thing นั้น ถูกนำเสนอในรูปแบบ
ของสิ่งมีชีวิตระดับเซลล์ที่สามารถกลืนกินเซลล์ของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆได้จาก
ภายใน เมื่อมีการสำผัสกับเหยื่อโดยตรง ซึ่งการแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วของมัน
นั้นสามารถทำให้มันใช้เวลาไม่นานในการที่กลืนกินมนุษย์หรือหมาซักตัว
และเมื่อสบโอกาสที่อยู่กับเหยื่ออีกคนตามลำพัง มันก็จะแหวกร่างออกมาจาก
ร่างที่มันกลืนกิน กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ระบุรูปร่างไม่ได้เข้าจู่โจมเหยื่อ
ทันที
แล้วมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรือเปล่า? อันนี้ผมไม่กล้าสรุปนะครับว่ามันคือ
สิ่งชีวิตทรงปัญญาหรือไม่ เพราะตัวมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เซลล์แต่ละเซลล์มี
ชีวิตเป็นของตัวเอง และมีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดเป็นของตัวเอง
(เหมือนฉาก Blood Test อันลือลั่นนั่นเอง) แต่อาจเพราะมันจะซึมซับ
เอาบุคลิก และสติปัญญาแบบเดิมของร่างที่มันกลืนกินไปด้วย ทำให้ดูเหมือน
ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา (เหมือนที่ ดร.แบลร์ สร้างยานอวกาศขนาด
เล็กได้เอง แม้ผมจะสงสัยว่าเล็กแค่นั้นมันจะนั่งยังไงก็เหอะ XD)
(ผมเคยเห็นความเห็นนึงในพันทิปเนี่ยแหละ ที่น่าสนใจมาก ว่า
บางทีรูปลักษณ์ระดับเซลล์ของ The Thing มันอาจจะเป็นการ
วิวัฒนาการขั้นสูงสุดของสิ่งมีชีวิตแล้ว ...ก็เป็นได้นะครับ ในหนังไซไฟ
หลายๆเรื่อง มนุษย์ต่างดาวที่ครองโลกสำเร็จมักจะมาในรูปแบบของ
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา แบบนี้เป็นประจำ)
เป็นรูปแบบชีวิตที่น่ากลัวจริงๆนะครับ ...เอาจริงๆคือในโลกของเราจริงๆนั้น
ก็มีปรสิต หรือเชื้อโรคที่น่ากลัวแบบนี้อยู่เหมือนกัน มันมีอิทธิพลกับร่างกาย
รวมไปถึงสมอง ที่สามารถสั่งการพฤติกรรมของเหยื่อยให้เปลี่ยนไปจากเดิม
เลยก็ได้ (แต่ The Thing จะดูน่ากลัวมากกว่าปกติ ตามประสาหนังสัตว์
ประหลาด ต้องนับถือในฝีมือของ ร็อบ บ็อททิน แกนะครับ ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุ
23 เอง แต่สามารถใช้ทั้งเมคอัพ หุ่นบังคับ หุ่นมือ มาเขย่าขวัญคนดู)
เหล่า The Thing ที่ปรากฏในหนังภาคนี้ก็ได้แก่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้